รายวิชาภาษาไทย
ประโยคภาษาไทย
ประโยคในภาษาไทย จำแนกตามโครงสร้างมี ๓ ชนิด
๑.ประโยคสามัญ หมายถึง ประโยคที่มีใจความเดียว ซึ่งจะมีบทประธานและบทแสดงอย่างละหนึ่งเดียวเท่า นั้น อาจมีกริยาหลักเพียงกริยาเดียวหรือกริยาหลักหลายกริยาก็ได้แต่มีใจความสำคัญ เพียงอย่างเดียว ไม่มีคำเชื่อมประโยค เช่น
ประโยคสามัญแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด
๑.๑ ประโยคสามัญกริยาหลักกริยาเดียว เช่น
มาลีกำลังรดน้ำต้นไม้ เขาหัวเราะ ม้าวิ่ง สุเมธอ่านหนังสือพิมพ์ วันนี้เขาคงจะมาที่บ้านฉัน
๑.๒ ประโยคสามัญกริยาหลักหลายกริยา เช่น
ตำรวจวิ่งไล่จับผู้ร้าย ชาตรีขับรถข้ามสะพาน แมววิ่งไล่จับหนู ราตรีพับผ้าเก็บไว้ในตู้
ประโยคสามัญแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด
๑.๑ ประโยคสามัญกริยาหลักกริยาเดียว เช่น
มาลีกำลังรดน้ำต้นไม้ เขาหัวเราะ ม้าวิ่ง สุเมธอ่านหนังสือพิมพ์ วันนี้เขาคงจะมาที่บ้านฉัน
๑.๒ ประโยคสามัญกริยาหลักหลายกริยา เช่น
ตำรวจวิ่งไล่จับผู้ร้าย ชาตรีขับรถข้ามสะพาน แมววิ่งไล่จับหนู ราตรีพับผ้าเก็บไว้ในตู้
๒. ประโยครวม คือ ประโยคที่มีประโยคสามัญตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไปมารวมกัน โดยมีคำสันธานเชื่อมประโยค เพื่อให้ได้ใจความติดต่อกันเป็นประโยคเดียวกัน ถ้าประธานหรือกริยาของประโยคเป็นคำเดียวกันก็อาจละได้ แบ่งเป็น ๔ ชนิด คือ
๒.๑ ประโยครวมที่มีใจความคล้อยตามกัน ใช้คำสันธานเชื่อมประโยค และ กับ ทั้ง.....แล ถ้า.....จึง
พอ.....ก็ เมื่อ......ก็ แล้ว.......จึง แล้ว......ก็ เช่น
มาลีและรัตติกาลกำลังทำแบบฝึกหัด ทั้งเขาและเธอต่างก็ตั้งใจเรียน
พอฉันทำการบ้านเสร็จวรวุฒิก็มาถึงบ้านฉัน ถ้าฉันสอบได้คะแนนดีคุณพ่อก็จะให้รางวัลแก่ฉัน
๒.๒ ประโยครวมที่มีใจความขัดแย้งกัน ใช้คำสันธานเชื่อมประโยค แต่ แต่ทว่า ถึง....ก็ ทั้งที่.....ก็
กว่า......ก็ แม้ว่า........ก็ แม้......ก็ เช่น
น้องชอบวิชาวิทยาศาสตร์แต่ฉันชอบวิชาภาษาไทย สมบัติชอบทุเรียนส่วนสมชายชอบมังคุด
ถึงฝนจะตกเพียงใดเราก็จะไปให้ได้ กว่าเขาจะมาถึงบ้านแม่ก็ปิดประตูแล้ว
๒.๓ ประโยครวมที่มีใจความให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้คำสันธานเชื่อมประโยค หรือ มิฉะนั้น
ไม่เช่นนั้น มิฉะนั้น.......ก็ ไม่......ก็ หรือไม่อย่างนั้น.....ก็ หรือไม่อย่างนั้น.....ก็ เช่น
เธอชอบผลไม้หรือขนมหวาน เธอต้องออกกำลังกายเสมอมิฉะนั้นจะไม่แข็งแรง
นุชต้องขยันทำงานมิฉะนั้นเธอจะไม่มีเงิน ถ้าคุณไม่รับประทานผักก็ต้องรับประทานผลไม้
๒.๔ ประโยครวมที่มีใจความเป็นเหตุเป็นผลกัน ใช้สันธานเชื่อมประโยค จึง เพราะ........จึง
เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้น......จึง เพราะว่า ดังนั้น.....จึง เช่น
เพราะมาลัยทำความดีจึงได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ เพราะเขาขยันเรียนเขาจึงสอบได้คะแนนดี
เพราะเขาเป็นคนเก่งจึงได้รับรางวัลมากมาย
๒.๑ ประโยครวมที่มีใจความคล้อยตามกัน ใช้คำสันธานเชื่อมประโยค และ กับ ทั้ง.....แล ถ้า.....จึง
พอ.....ก็ เมื่อ......ก็ แล้ว.......จึง แล้ว......ก็ เช่น
มาลีและรัตติกาลกำลังทำแบบฝึกหัด ทั้งเขาและเธอต่างก็ตั้งใจเรียน
พอฉันทำการบ้านเสร็จวรวุฒิก็มาถึงบ้านฉัน ถ้าฉันสอบได้คะแนนดีคุณพ่อก็จะให้รางวัลแก่ฉัน
๒.๒ ประโยครวมที่มีใจความขัดแย้งกัน ใช้คำสันธานเชื่อมประโยค แต่ แต่ทว่า ถึง....ก็ ทั้งที่.....ก็
กว่า......ก็ แม้ว่า........ก็ แม้......ก็ เช่น
น้องชอบวิชาวิทยาศาสตร์แต่ฉันชอบวิชาภาษาไทย สมบัติชอบทุเรียนส่วนสมชายชอบมังคุด
ถึงฝนจะตกเพียงใดเราก็จะไปให้ได้ กว่าเขาจะมาถึงบ้านแม่ก็ปิดประตูแล้ว
๒.๓ ประโยครวมที่มีใจความให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้คำสันธานเชื่อมประโยค หรือ มิฉะนั้น
ไม่เช่นนั้น มิฉะนั้น.......ก็ ไม่......ก็ หรือไม่อย่างนั้น.....ก็ หรือไม่อย่างนั้น.....ก็ เช่น
เธอชอบผลไม้หรือขนมหวาน เธอต้องออกกำลังกายเสมอมิฉะนั้นจะไม่แข็งแรง
นุชต้องขยันทำงานมิฉะนั้นเธอจะไม่มีเงิน ถ้าคุณไม่รับประทานผักก็ต้องรับประทานผลไม้
๒.๔ ประโยครวมที่มีใจความเป็นเหตุเป็นผลกัน ใช้สันธานเชื่อมประโยค จึง เพราะ........จึง
เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้น......จึง เพราะว่า ดังนั้น.....จึง เช่น
เพราะมาลัยทำความดีจึงได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ เพราะเขาขยันเรียนเขาจึงสอบได้คะแนนดี
เพราะเขาเป็นคนเก่งจึงได้รับรางวัลมากมาย
๓. ประโยคซ้อน คือ ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคความเดียว ๒ ประโยคขึ้นไปซ้อนกันอยู่ โดยมีประโยคหนึ่งเป็นประโยคหลัก เรียกว่า มุขยประโยค และมีประโยคความเดียวอีกประโยคหนึ่งมาขยายประโยคหลัก เรียกว่า อนุประโยค ขยายส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยคหลักเพื่อให้ได้ใจความชัดเจนดี ยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้เนื้อความของประโยคสละสลวยยิ่งขึ้นอีกด้วย
ชนิดของประโยคความซ้อน
แบ่งตามอนุประโยคที่มาขยาย แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ ๓.๑ ประโยคความซ้อนที่มีนามานุประโยค คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่แทนนาม คือ เป็นประธาน บทกรรม และ ขยายนาม เช่น ตัวอย่างนามานุประโยคที่ยกมาต่อไปนี้ เช่น บทประธาน : ๑.. เขาพูดเช่นนี้ เป็นการส่อนิสัยชั่ว มุขยประโยค = เขาส่อนิสัยชั่ว อนุประโยค = เขาพูดเช่นนี้ ๒. คนเดินริมถนน มองดูตำรวจ มุขยประโยค = คนมองดูตำรวจ อนุประโยค = คนเดินริมถนน บทกรรม : ๑. ฉันเห็น เด็กเรียนหนังสือ มุขยประโยค = ฉันเห็นเด็ก อนุประโยค = เด็กเรียนหนังสือ ๒. เขาพูดว่า ต้นเงาะงอกขึ้นในกระถาง มุขยประโยค = เขาพูด อนุประโยค = ต้นเงาะงอกขึ้นในกระถาง ๓. เขาทำให้ฉันกลัวผี มุขยประโยค = เขาทำฉัน อนุประโยค = ฉันกลัวผี บทขยาย : ๑. อาหารสำหรับ นักเรียนเล่นละคร มีอยู่ในห้อง มุขยประโยค = อาหารมีอยู่ในห้อง อนุประโยค = นักเรียนเล่นละคร
๒. การเงินของพ่อค้าขายของชำ ฝืดเคืองมาก
มุขยประโยค = การเงินของเขาฝืดเคือง อนุประโยค = พ่อค้าขายของชำ ข้อสังเกต มีข้อที่สังเกตนามานุประโยคตามตัวอย่างข้างบนนี้ให้ถือว่า คำ ว่า ให้ สำหรับ ของ เป็นบทเชื่อมประโยคที่ตามมา ข้างหลังเป็น นามานุประโยค ถ้าสกรรมกริยา (กริยาที่ต้องการกรรม) ที่อยู่ข้างหน้าคำ ว่า ให้ นั้นไม่มีกรรมมารับ ถ้ามีกรรมมารับได้ความสมบูรณ์แล้ว ประโยคที่อยู่หลังคำ ว่าหรือ ให้ นั้นต้องเป็น วิเศษณานุประโยค ๓.๒ ประโยคความซ้อนที่มี คุณานุประโยค คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่ขยายคำ นาม สรรพนาม ในมุขยประโยค โดยมีประพันธสรรพนาม ที่ ซึ่ง อัน เป็นบทเชื่อม เช่น - คนที่ไม่จ่ายทรัพย์ตามสมควร ย่อมเหมือนฝังทรัพย์ทิ้งจมดิน - นักเรียนที่ตั้งใจเรียนย่อมประสบความสำเร็จ - แก้วกระจกซึ่งรวมอยู่กับสุวรรณ ย่อมเลื่อมพรายเหมือนมรกต - บุคคลอันมีจิตสงบแล้ว มีสุขในโลก ข้อสังเกต ประโยค ที่ตามหลังประพันธสรรพนาม (ที่ ซึ่ง อัน) จะเป็นคุณานุประโยค ๓.๓ ประโยคซ้อนที่มีวิเศษณานุประโยค คือ อนุประโยคซึ่งทำหน้าที่เป็นวิเศษณ์สำหรับขยายกริยา หรือขยายวิเศษณ์ อันเป็นส่วนหนึ่งของมุขยประโยค เช่น - เขามาหา เมื่อฉันไม่อยู่ (ขยายกริยา มา) - เขาดีจนฉันเกรงใจ (ขยายกริยา ดี) - เขาพูดเสียงดังจนเพื่อน ๆ รำคาญ - เขามาหาฉันขณะที่ฉันรดน้ำต้นไม้ - หมองูตายเพราะงูกัด (ขยายกริยา ตาย) - เขาพูดช้าจนฉันรำคาญ (ขยายวิเศษณ์ ช้า) |
ความคิดเห็นหมายถึง ประโยคที่มีใจความสำคัญเป็นประโยคหลักและมีประโยคย่อยแทรกอยู่ด้วย ประโยคย่อยนี้ทำหน้าที่ขยายคำนาม (ขึ้นต้นด้วย คำเชื่อม ที่ ซึ่ง อัน) หรือคำกริยา (ขึ้นต้นด้วยคำเชื่อม เมื่อ จน เพื่อ ตั้งแต่ เพราะ ฯลฯ) ในประโยคหลัก
ประโยคซับซ้อน
ประโยคที่ซับซ้อน คือ การนำรูปประโยค ทั้งประโยคความเดียว ประโยคความรวมและประโยคความซ้อนมาขยายความให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ประโยคซับซ้อน เกิดจาก ประโยคสามัญ ที่แบ่งเป็นประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อน จากประโยคทั้งสามนี้เพิ่มคำขยายหรือข้อความขยาย การรวมประโยคสามัญดังกล่าวเข้าด้วยกันทำให้กลายเป็นประโยคซับซ้อนขึ้น แต่สามารถสื่อสารชัดเจนและสละสลวย
เพิ่มข้อความขยาย โดยมีหลักสำคัญ ดังนี้
1. ตำแหน่งคำขยายในประโยค
การขยายความในประโยคภาษาไทยนั้นส่วนขยายจะอยู่ด้านหลังข้อความที่จะไปขยาย เช่น
- ตำรวจ จำนวนห้านาย ประจำสถานีตำรวจนครเชียงใหม่ จับผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ที่ทางการ เคยทราบเบาะแสมาก่อนได้ เมื่อเช้าตอนสายวันอาทิตย์ที่ 21 เดือนนี้เอง
ประโยคนี้ประธาน คือ ตำรวจ
ส่วนขยาย คือ จำนวนห้านาย ประจำสถานีตำรวจนครเชียงใหม่
ตัวแสดงหรือคำกริยา คือ จับ
ส่วนขยาย คือ ได้เมื่อเช้าตอนสายวันอาทิตย์ที่ 21 เดือนนี้เอง
คำขยายกริยาเรียงไว้หลังกรรม หรือส่วนขยายกรรมเสมอ
กรรมในประโยคนี้ คือ ผู้ค้ายาบ้า
และส่วนขยายกรรม คือ รายใหญ่ที่ทางการเคยทราบเบาะแส
มี ข้อสังเกตยังหนึ่ง คือ ส่วนขยายกริยาที่บอกช่วงเวลาสามารถนำไปเรียงหน้าประธานในประโยคได้ด้วย ประโยคข้างต้นนี้เปลี่ยนแปลงได้ คือ
- เมื่อ ตอนสายวันอาทิตย์ที่ ๒๑ เดเอนนี้เอง ตำรวจจำนวนห้านายประจำสถานีตำรวจนครเชียงใหม่ จับผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ที่ทางการทราบเบาะแสมาก่อน
2. ข้อระมัดระวังการวางคำขยาย
การ เรียงคำขยายเพื่อไม่ให้ความกำกวม หรือความคลาดเคลื่อน เพื่อสื่อสารได้ชัดเจน ควรให้คำขยายอยู่ใกล้กับคำที่จะไปขยาย ถ้าไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะมีผลดังกล่าว เช่น
- ผู้หญิงที่อุ้มลูกหมาหน้าตาคล้ายคุณเพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่นี้เอง
แก้เป็น ผู้หญิงหน้าตาคล้ายคุณที่อุมลูกหมาเพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่นี้เอง
- หนังสือพิมพ์เป็นยามเฝ้ารัฐบาลที่ดี
แก้เป็น หนังสือพิมพ์ที่ดีเป็นยามเฝ้ารัฐบาล
ประโยคความเดียวที่ซับซ้อน
ประโยคความเดียวที่ซับซ้อนสามารถทำ ได้ดังนี้
1. ความซับซ้อนในภาคประธาน ตัวประธานมีส่วนขยายที่เป็นคำและกลุ่มคำทำให้ประโยคความเดียว มีข้อความซับซ้อนขึ้น
1.1 ประธานที่ขีดเส้นใต้ เป็นคำนำหน้าด้วยการหรือความ หรือคำอาการนาม ตามด้วยส่วนขยาย เช่น
- การรเฝ้าติดตามความเคลื่อไหวของกลุ่มดาวยามค่ำคืนทำให้พบดาวดวงใหม่
- ความขยันหมั่นเพียรอย่างยิ่งยวดเป็นผลให้ถึงจุดหมายปลายทาง
1.2 ประธานที่ขีดเส้นใต้ มีคำและกลุ่มคำขยายประธาน ทำให้ความซับซ้อนเพิ่มขึ้น เช่น
- บ้านพักคนงานบริษัทหลังใหม่บนเนินเขาสร้างเสร็จแล้ว
- รถเมล์สาย 40 คันสีแดงเข้มคาดสีเหลืองวิ่งเร็วมาก
2. ความซับซ้อนในภาคแสดง
2.1 มีคำกริยาเป็นกลุ่มคำหลายคำ เช่น
- กระรอกตัวนั้นกระโดดไปที่ผลมะพร้าว มันพยายาม กัด แทะ เคี้ยว และกลืนกินเนื้อ มะพร้าวอย่างเอร็ดอร่อย
- คนป่ากลุ่มนั้นต่างกระโดด โลดเต้น ร่ายรำ และร้องเพลงไปตามจังหวะกลอง
2.2 มีคำกริยาเป็นส่วนขยายอยู่หลายแห่งในประโยค เช่น
- นักรียนต่างขยันเตรียมตัวสอบไล่โดยทบทวนตำรา อ่านเนื้อหาและสรุปประเด็นพร้อมกับท่องจำอย่างเข้าใจ
- เขาพยายามพายเรือลำเล็ก ๆ มาทางริมสระน้ำ โดยไม่รีบร้อนนัก
ข้อควรระมัดระวังประการหนึ่ง ในประโยคมีประธานอย่างเดียว แต่ทำกริยา ประกอบหลายอย่าง ต้องใช้วิภาคสรรพนาม คือ คำว่า บ้าง หรือ บาง มาช่วย เช่น
- ผู้โดยสารเข้าคิวกันซื้อตั๋ว ออกันขึ้นรถ มองหาผู้นัดหมาย และซื้อของฝากญาติมิตร
แก้เป็น ผู้โดยสารเข้าคิวกันซื้อตั๋ว บ้างออกันขึ้นรถ บ้างมองหาผู้นัดหมาย และ บ้างซื้อของฝากญาติมิตร
วิภาคสรรพนาม คือ บ้าง ได้แก่ ผู้โดยสารนั่นเอง และทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคสั้น ๆ ดังกล่าว
ประโยคความรวมที่ซับซ้อน
ประโยคความรวมที่ซับซ้อน คือ ประโยคความรวมที่มีข้อความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีประโยคความรวม ซ้อนกันหลายชั้น เช่น
- ปรีชาไม่ชอบเล่นฟุตบอล แต่เขาชอบพนันฟุตบอล ดังนั้น เขามีปัญหาเรื่องการเงินและในที่สุดปรีชาหยุดการเรียนไปอย่างน่าเสียดาย
ดังนั้น เป็นคำสันธานเชื่อมประโยคความรวมทั้ง 2 คู่เข้าด้วยกัน
- บุญ ยืนเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ ฉันจึงรับเขามาเลี้ยงดูด้วยความรักและส่งบุญยืนเรียนหนังสือ แต่ภายหลังเด็กคนนี้ขาดความเชื่อฟังฉันและไปคบเพื่อนที่เลว ดังนั้นเขาจึงติดยาเสพติดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง
แต่ เป็นคำสันธานเชื่อมประโยคความรวมทั้งหมด
ประโยคความซ้อนที่ซับซ้อน
ประโยคความซ้อนที่ซับซ้อน เช่น
- ประเสริฐเดินทางไปสงขลาโดยรถด่วนสายใต้ขบวนยาวเหยียดเพราะช่วงนั้นเป็นเทศกาลสงกรานต์ที่ทุกคนพากันเดินทางท่องเที่ยว
เพราะเป็นคำสันธานเชื่อมระหว่างประโยคความซ้อนเข้าด้วยกัน
- ชาย ร่างผอมผิวคล้ำวัยกลางคนนั้นเดินเร็วมากจนฉันเดินตามแทบไม่ทัน แต่ขณะที่เขากำลังย่างขึ้นนั่งบนรถประจำทางสายปอ. 16 เมื่อฉันก้าวเท้าขึ้นรถคันนั้นพอดีเช่นกัน
แต่ เป็นคำสันธานเชื่อมระหว่างประโยคความซ้อนเข้าด้วยกัน
ประโยคที่ซับซ้อน ประกอบด้วย ประโยคความเดียวและประโยคความซ้อน
- พระราชาองค์นี้ทรงทศพิธราชธรรมดียิ่ง ดังนั้น ราษฎรจึงรักพระองค์จนพวกเขาสละชีพเพื่อพระองค์ได้
ประโยคความเดียว = พระราชาองค์นี้ทรงทศพิธราชธรรมดียิ่ง
ประโยคความซ้อน = ราษฎรจึงรักพระองค์จนพวกเขาสละชีพเพื่อพระองค์
คำเชื่อมระหว่างประโยคความเดียวและประโยคความซ้อน = ดังนั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น